การรายงานเตือนภัยจากกรมอุตุนิยมวิทยาเกี่ยวกับพายุฤดูร้อนที่คาดว่าจะปกคลุมทั่วประเทศไทยระหว่างวันที่ 25 ถึง 26 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งมีการประกาศเตือนในช่วงเย็นของวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 ในประกาศฉบับที่ 5 (40/2567) การเตือนนี้เกิดจากการที่มวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนในหลายพื้นที่ ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นเข้ามา ส่งผลให้ภาคเหนือตอนล่าง, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, ภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล, และภาคตะวันออก จะเผชิญกับพายุฤดูร้อนที่มีลักษณะฝนฟ้าคะนอง, ลมกระโชกแรง, ลูกเห็บตกบางแห่ง และฟ้าผ่า
ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงถูกแนะนำให้ระมัดระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน เช่น หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง, ใต้ต้นไม้ใหญ่, สิ่งปลูกสร้าง, และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง นอกจากนี้, เกษตรกรยังควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่อาจเกิดกับผลผลิตทางการเกษตรและสัตว์เลี้ยง
ผลกระทบในแต่ละวันโดยละเอียด รวมถึงพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบหนักที่สุด
–วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 : ภาคเหนือ (จังหวัดอุตรดิตถ์, พิษณุโลก, กำแพงเพชร, พิจิตร, เพชรบูรณ์), ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (เลย, หนองคาย, หนองบัวลำภู, อุดรธานี, ชัยภูมิ, ขอนแก่น, มุกดาหาร, อำนาจเจริญ, นครราชสีมา, ศรีสะเกษ, อุบลราชธานี), ภาคตะวันออก (ฉะเชิงเทรา, นครนายก, ปราจีนบุรี, สระแก้ว), และภาคกลาง (ลพบุรี, สระบุรี, พระนครศรีอยุธยา)
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2567 : พื้นที่เดียวกันกับวันที่ 24 แต่รวมถึงจังหวัดเพิ่มเติมและกรุงเทพมหานครและปริมณฑล.
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2567 : ภาคเหนือ, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, ภาคกลาง และภาคตะวันออก รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะยังคงได้รับผลกระทบจากพายุ
การเตรียมความพร้อมและการรับมือกับสถานการณ์นี้จึงมีความสำคัญยิ่ง โดยกรมอุตุนิยมวิทยาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แนะนำวิธีการป้องกันและการเตรียมพร้อมเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากพายุฤดูร้อน
การติดตามข้อมูลพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด : ประชาชนควรติดตามข้อมูลพยากรณ์อากาศและคำเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรับข้อมูลล่าสุดและการเตือนในกรณีที่สถานการณ์เปลี่ยนแปลง
การเตรียมตัวรับมือกับภาวะฉุกเฉิน : ควรมีการเตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉิน เช่น ไฟฉาย, แบตเตอรี่สำรอง, อาหารแห้ง, น้ำดื่ม, และชุดปฐมพยาบาล เพื่อใช้ในกรณีที่ไฟฟ้าดับหรือไม่สามารถออกจากบ้านได้
การป้องกันทรัพย์สิน : การตรวจสอบและเสริมความแข็งแรงให้กับโครงสร้างบ้าน และการเคลื่อนย้ายทรัพย์สินสำคัญไปยังที่สูงหรือปลอดภัย เพื่อป้องกันความเสียหายจากน้ำท่วมหรือลมแรง
การระมัดระวังในการเดินทาง : ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงหรือในช่วงเวลาที่พายุคาดว่าจะเกิดขึ้น หากจำเป็นต้องเดินทาง ควรตรวจสอบสภาพถนนและเส้นทางเดินทางล่วงหน้า
การป้องกันสำหรับเกษตรกร : เกษตรกรควรทำการป้องกันและเตรียมความพร้อมสำหรับพืชและสัตว์เลี้ยง เช่น การตัดแต่งกิ่งไม้, การยึดหลักปลูกสร้างให้มั่นคง, และการเตรียมพื้นที่ปลอดภัยสำหรับสัตว์เลี้ยง
การหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง : ในช่วงเวลาที่พายุคาดว่าจะเกิดขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง, ใต้ต้นไม้ใหญ่, หรือใกล้กับป้ายโฆษณาและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง
โดยรวมแล้ว การเตรียมตัวและการมีสติในการรับมือกับพายุฤดูร้อนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดผลกระทบและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ทั้งนี้ การร่วมมือและการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในชุมชนเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปได้อย่างปลอดภัยและมีความเสียหายน้อยที่สุด